วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

SE Project

วิชา Software engineering วิชานี้ทำให้ผมได้มีโอกาสเขียนเวปครั้งแรกในชีวิต(ถ้าไม่นับเวปSantanakarnตอนปีสอง) ไม่ก่อนไม่เคยคิดจะสนใจการเขียนเวปเลย ตอนนี้ก็พอสนอยู่บ้าง เพราะ 1.เมื่อก่อนไม่ถนัดดีไซน์ เพราะก่อนนี้เขียนเวปใช้Dreamweaverกัน คนที่ดีไซน์สวยจะได้คะแนนดีๆ ส่วนคนที่ไม่ถนัดอย่างผมก็ แล้วแต่ดุลยพินิจของอาจารย์ว่าจะเมตตาเท่าไหร่ แต่เด๋วนี้เป็นweb2.0แล้ว เป็นเวปแอปพลิเคชันหมด คนที่เก่งดีไซน์เวปมาใช่ว่าจะทำได้ ส่วนคนที่code โปรแกรมได้ เด่วนี้ก็เลยไม่ต้องเพิ่งดีไซน์เท่าไหร่ เพราะCSS3.0 ทำได้หมดแล้ว ดีกว่า dreamweaverอีก 2. ภาษาที่ใช้เขียนง่ายพอๆ(หรือง่ายกว่า)กับเขียนแอปบนdesktop เพราะมีภาษาให้เลือกเขียนเยอะ syntaxคล้ายกัน มีเครื่องมือช่วยเขียนช่วยดีไซน์เยอะ ด้วยเหตุนี้เองทำให้บอกใครต่อใครได้เพิ่มว่า เขียนอะไรทำอะไรเป็นมากขึ้น

มาดูตัวโปรแจกเลยดีกว่า โปรแจกผมทำกับเพื่อนอีกคนนึง ชื่อ V.i.P melody เป็นเวปแอปพลิเคชั่นที่ เอาไว้อัพโหลดเพลงไว้แชร์กันบนtwitter timeline โดยuser สามารถเข้ามาใช้ได้โดยใช้twitter account ของตัวเอง
หน้าแรกให้ล็อกอินด้วยทวิตเตอร์accountของตัวเอง แล้วตอนล็อกอิน เวปจะใช้twitterapi ไปเช็คว่ามีuser คนนี้อยู่ไหม ถ้ามีจะไปดึงรูปtwitter displaytของaccount นั้นมา แล้วก็จะมาหน้า uploadpage(ว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นhome ตั้งนานแล้ว ไม่ัทัน สั่งไปแล้ว) หน้านี้จะให้user uploadเพลงจากเครื่องแล้ว สามารถพิมพ์message twitterได้เพื่อที่จะtweetไปพร้อมกับlinkเพลงที่อัพ แล้วกดปุ่มupload เพื่ออัพโหลดเพลงและโพสบนtw ส่วนอื่นๆบนหน้านี้ก็จะมีเพลงที่userเคยuploadไว้ สามารถเลือกคลิกเพลงเพื่อฟังได้ รายละเอียดเช่นชื่อ ศิลปิน อัลบัม ปกอัลบัมและflash music play จะถูกแสดง เราสามารถเปลี่ยนรายละเอียดเพลงได้ทุกอย่าง โดยคลิกที่ชื่อ ศิลปิน หรือปก เพื่อเปลี่ยนแก้ไขได้ นอกจากนี้ ถ้าใส่ ชื่อเพลงและศิลปิน ได้ถูกต้อง จะมีรูปปกอัลบัมโหลดมาจากเวปlast.fm มาให้อัตโนมัติ หรือจะเปลี่ยนได้ โดยคลิกที่รูปปกแล้ว หาลิงค์รูปมาใส่ในช่วงที่กำหนดไว้ให้ ก้อจะเปลี่ยนรูปปกเป็นรุปปกนั้น นอกจากนี้ เราสามารถcomment เพลงได้ ในส่วนด้านล่างต่อจากข้อมูลเพลง ในส่วนเพลงที่user เคยโหลดไว้ userสามารถ เอาเพลงนี้มาtweetอีกก็ได้ เพียงกดปุ่ม twitter(รูปตัวTสีฟ้า) และสามารถลบเพลงได้ที่ปุ่มกากบาทสีแดง เมื่อ user อัพโหลดเสร็จ ในtwitter timeline จะปรากฏลิงค์เพลงและข้อความที่เราใส่ เมื่อคนที่followเราเห็นและคลิกเข้ามาฟังก็จะเข้ามาหน้าlisten
หน้าlistenนี้จะผู้ฟังสามารถฟังเพลง อ่านcomment เพิ่มcommentเพลงได้ โดยจะcommentได้ต้องมี twitter account loginก่อน commentทีcommentนี้ จะนำไปแสดงบนtwitter timelineด้วย ผู้ฟังสามารถเลือกฟังเพลงที่userคนที่uploadเพลงได้ทางlistด้านซ้าย ทุกเพลงผู้ฟังสามารถ tweetเพลงนั้นได้ พร้อมข้อความ โดยคลิกปุ่มtweet(ตัวTสีฟ้า) จะมีกล่องข้อความให้กรอก message สามารถtweetได้มากกว่า 1เพลง ต่อครัั้ง โดยกดเลือกได้เท่าที่ต้องการ โดยตัวอักษรรวมต้องไม่เกิน140ตัว
ทุกส่วนทุกฟังก์ชั่นของหน้าuploadpageและlisten จะแสดงในลักษณะของdynamic ไม่มีการrefreshหน้าเลย เป็นผลจากการให้Ajax เปลี่ยนข้อมูลเฉพาะหน้า ทำให้เราสามารถออกแบบการทำงานของเวปได้ตามที่เราต้องการ ความเร็วอาจจะเร็วกว่าหรือพอๆ กับการโหลดทั้งหน้า แต่ก็ช่วยให้หน้าเวปเรามีความยืดหยุ่นขึ้น น่าใช้ขึ้น
โปรแจกนี้ใช้เวลาทำจริงๆประมาณ1เดือน กับ2อาทิตย์ เริ่มต้นจากการเขียนPHPขั้นต้นจริงๆ ตามด้วย การใช้APIของ twitter ต่อด้วย การใช้Ajax และjavascriptเปลี่ยนข้อมูล หัดใช้CSSแต่งเวป ออกแบบDatabase เขียนโมดูลต่อและดึงข้อมูลจากDatabase พยายามให้เป็นMVCที่สุด สุดท้ายแล้วถึงจะบักเยอะไปหน่อย เช่น เพลงไทยอัพแล้วฟังไม่ได้ sessionยังงงอยู่ และอื่นๆเล็กน้อยๆ แต่ก็ได้เรียนรู้การเขียนเวปแอปไปไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว เรายังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะมากมาย เพื่อฝึกฝนให้ชำนาญ เป็นมืออาชีพ และทุกวันเทคโนโลยีก็ไม่ได้อยู่กับที่ ทุกๆวันมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ และเราก็อยู่ในจุดที่ควรจะสนใจมันให้มากที่สุด เพราะไม่นานสิ่งที่เราทำอยู่ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ล้าหลังอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่ปี

Shell Script คือ

Shell หรือ sh เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ติดต่อระหว่างผู้ใช้กับตัวkernel ของ ระบบปฏิบัติการUNIX ทำให้ผู้ใช้ทำงานงานง่ายขึ้น โดยชนิดของshellมีดังต่อไปนี้
Shell Script คือ การรวบรวมเอาคำสั่งของยูนิกส์มารวมเป็นไฟล์ โดยให้มีการทำงานในหลายรูปแบบเพื่อให้เกิดเกิดทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งจะมีลักษณะคลายกับการทำงานของDOS ที่เราเรียกว่า Batch File แต่เชลล์คริปต์จะมีความสามารถมากกว่า และมีความยืดหยุ่นสูง

1. sh ของUNIX
2. csh,tcsh ของซีเชลล์
3. ksh,pdksh ของคอร์นเชลล์
4. bash บอร์นเชลล์
5. rc เป็นเชลล์ที่มีลักษณะเป็นภาษา C

โครงสร้างของshell
1. ตัวแปร : เก็บข้อความ ตัวเลข ตัวแปรเชลล์ หรือ พารามิเตอร์
2. เครื่องหมาย Quoting
3. เงื่อนไข
4. การควบคุมโปรแกรม if,AND list elif while utill repeat for case
5. คำสั่งจากshell
6. เรียกใช้ฟังก์ชั่น

ตัวแปร(variable)
บนระบบ OS โดยทั่วไปมักจะมี Environment หรือ System Variable เพื่อส่งผ่านค่าระหว่างโปรแกรมต่างๆ ภายในระบบ เสมอ ซึ่งโดยทั่วไปเราจะอ่านค่า Environment (ของ OS เกือบทุกตัว) ได้โดยการใช้คำสั่ง set
ตัวอย่าง
bash
name = pitithat puranachot
csh

set name = pitithat puranachot
นอกจากนี้เรายังสามารถนำผลลัพธ์จากการ Run Programm อื่นๆ มาเป็นค่า Variable ได้อีกด้วย โดยใช้ Back Quote แทน หรือ Run คำสั่งภายในเครื่องหมาย $(command) เช่น
list=$(ls) หรือ set list=$(ls)

ตัวแปรในระบบก็มีเช่น
$# แสดงจำนวนพารามิเติร์ที่ส่งมาให้กับระบบ
$? เก็บค่าที่ได้จากการประมวลผลก่อนหน้านี้
$0 แสดงชื่อของโปรแกรมที่ทำการประมวลผลอยู่
$* เก็บค่าของพารามิเตอร์ทุกตัวที่ใช้ใมนการประมวลผล($1 $2 ....)
"$@" เก็บค่าของพารามิเติร์ทุกตัวที่ใช้ในการประมวลผล("$1""$2"...)

ตัวอย่าง โปรแกรมบวกเลข
#!/bin/sh
# This is First shell script
#
i=30
j=20
echo "Program Adder by Shell Script"
r=$(($i + $j))
echo "$i + $j = $r"

คำสั่งเบื่องต้น
รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ ใช้คำสั่งread ตาวด้วยชื่อตัวแปรที่จะassignค่าให้
เช่น read name คือ การรับข้อมูลจากแป้นพิพม์แล้วเก็บค่าข้อมูลไว้ใน name

แสดงผลทางจอภาพ echo
รูปแบบของecho คือ
echo ตัวแปร
echo ค่าคงที่
echo "ตัวแปร"

echo "ค่าคงที่"

การสั่งให้สคริปทำงาน
การสั่งให้scriptทำงานโดยตรงจะให้คำสั่ง
$sh ตามด้วชื่อไฟล์ .txt เช่น $sh run.txt ก็จะเป็นการ ให้สคริป run ทำงาน

นอกจากนี้ยังที่คำสั่งวนลูป for while until case เหมือนในภาษาระดับสูงทั่วไปที่เรียนกัน

shell script สั่งใหญ่จะใช้กับระบบปฏิบัติการที่เป็นUNIX เช่นเครื่องที่เป็นserverต่างๆ s
uper computer รวมถึงcomputerที่เฉพาะทาง เช่นในATM ในประเทศไทยมีคนเป็นภาษานี้น้อยมาก ไม่น่าเกิน500คน แต่ธุรกิจต้องการการใช้งานด้านนี้มากขึ้นทุกวัน ยังไงก็ลองศึกษาดูนะครับ เพื่อใครสนใจผมมีDVDสอน shell script จาก www.thaishellscript.com มาขอเอาไปศึกษาดูได้นะครับ

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

สอบNLC10 ทดสอบลินุกซ์ระดับประเทศ

เมื่อวาน 5 กันยายน 2552 มีโอกาศไปทดสอบLinux ที่อุทยานแห่งชาติวิทยาศาสตร์ อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร รังสิต ติดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต เริ่มออกเดินทาง ออกจากKMUTT แล้วนั่ง140 ไปลงอนุสาวรีย์ แล้วต่อรถตู้ตรงดิ่งไปธรรมศาสตร์รังสิต ตามคำแนะนำของ@dekunderkover ค่ารถ30บาท นั่งไป1ชั่วโมง ไม่ได้หลับเมารถ 555++ พอไปถึงมธ. รังสิต มหาลัยนี้จากที่ไปค่ายข้างนอกที่ไรได้แค่ผ่านไปผ่านมา แล้วร้องอ้่าว...ธรรมศาสตร์... ตอนสมัยยังคึกๆ ดูภายนอกไม่ต่างจากมจธ.นัก แต่พอเข้าไป campusเหมือนกับมข.เลย กว้างใหญ่ พื่นที่เหลือ ไม่เบียดเสียดด้วยตึกราวบ้านช่อง ลมโกรกผ่านตัวตลอดแม้อากาศจะร้อน อยากถ่ายรุปมาเหมือนกัน แต่คงไม่ไหวไปคนเดียว พื้นที่ก็ใหญ่ เห้อ..

พอลงจากรถตู้ ก้อเดินถามคนรถก่อนเลย อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งชาติไปทางไหน เขาก้อบอกเดินไปเลี้ยวขวา ก็เดินไปใกล้มาก นึกว่าจะต้องเดินไปอีกฝากซะอีก ไม่อยากนึกภาพ เข้าไปเจอพี่staffจัดการสอบสาวสองคน ไม่ขอบรรยายหน้าตา55+ มารอรับ เขาบอกเด๋วนั่งรถที่เขาจัดให้ไป ก็ดูเป็นรถเมล์สีแดงๆ บอกใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ของสวทช.
ตอนนั้น11.20 เวลารายงานตัว11.30 รออยู่ก็ไม่มีใครมารอด้วย มีผมคนเดียว พี่สองคนก็เลยพาขึ้นรถไปอาคารวิทยฯเลย ระหว่างทางผ่าน ตึกสำนักงานสวทช. Nectec Biotec Mtec ก็ดูอาคารทรงสวยดี แต่อนาคตคงไม่มาทำที่นี่แน่ ไม่อยากโดนสั่งงานเยอะๆ ที่ไม่ใช่ความคิดของตัวเอง แต่ถ้ามาฝึกงานก็พอได้

ในที่สุดก็มาถึงที่สอบอาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ดูอาคารใหญ่โต แต่ตอนที่ถึงคนยังไม่ค่อยมี เลยดูค่อนข้างเงียบเหงา เลี้ยงเข้าตึกก็เจอ ...ไม่รู้เรียกว่าอะไรดี เป็นลูกกลมๆ ก็เลยนึกถึงว่ามันต้องเป็นpatternเดียวกันแน่ถ้าจะออกแบบอะไรเป็นสัญลักษณ์หน้าตึก ต้องเป็นก้อนอะไรสักก้อน แล้วเอามาแปลความหมายลึกซึ้ง ไว้เด๋วหามาบอกให้ละกัน ว่ามันคืออะไร เข้าไปในตึก ดูหารายชื่อในประเภทที่3 การใช้งานและปรับแต่งระบบปฏิบัติการลินุกซ์ขั้นสูง หมายเลย PSX0446 เอ่อ เจอเลย ได้นั่งท้ายๆห้อง
จากนั้นก็ต้องรอเข้าห้องสอบ ตอนบ่ายโมง ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยง ออกไปหาอะไรกินแปป ระหว่างกิน สังเกตุผู้เข้าแข่งขัน ส่วนมากจะเป็นนักเรียน โรงเรียนอะไรไม่รู้ใส่สูทน้ำเงิน ผูกเน๊คไทรูปประเทศไทย(รูปขวาน) กลุ่มนึงสงสัยมาทั้งclass เจอน้องโรงเรียน(เด็กเบญจม ราชบุรี)คนหนึ่ง แหะมากับพ่อไม่ค่อยเจอนักศึกษา(ที่แต่งชุดนศ.)เท่าไหร่แล้วก้อเป็นผู้ใหญ่หน่อยจำนวนหนึ่งน้อยมาก เราก็แต่ตัวธรรมดามาอ่ะนะ ไม่รู้ว่าเขาจะมองยังไง แต่staffเห็นเรียกว่าน้อง ก็พอใจแล้ว55

นั่งรอในห้องกินกาแฟสักพัก และแล้วก็ถึงเวลา 12.55 เข้าห้องสอบ คนคุมสอบหน้าห้อง เปิดMac รันโปรแกรมนับถอยหลัง1ชั่วโมง พอจนท.คุมสอบแจกแจงรายละเอียดเสร็จ ก็เปิดข้อสอบ(ซะทีรอมานาน)เปิดมาข้อแรกจะถามว่ารู้พวกเรื่องทั่วไปของลินุกซ์ไหม เช่นopenprintใครเป็นคนดำเนินการ GreenLinuxคืออะไร ต่อมาอีกประมาณ80%จะเป็นshell scriptทั้งนั้น!=-= จากนั้นก็เป็นเรื่องของนายนู๊บ2ข้อที่ลงubuntuสองเวอร์ชั่น ไว้ในHDคนละลูกแล้วจะทำยังไงให้grubเห็น แล้วก้อมีเรื่องconfigure kernelอีกสาม สี่ข้อ

วงตอบแบบที่คิดว่าจะถูกได้เพียง10กว่าข้อไม่เกิน20ข้อ เนื่องจาก ถ้าตอบถูกได้4คะแนน ตอบผิด-3 ไม่ตอบ-1 เหอะๆ คำนวนดูแล้วไม่ติดลบถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว มาสอบไม่เคยคิดว่าจะได้เข้ารอบอยู่แล้ว อยากรู้ว่าข้อสอบมันออกอะไรบ้างซะมากกว่า คราวหน้าจะได้เตรียมตัวมาถูก รอบประกาศผลวันที่15กย. ไม่รู้ว่าจะประกาศคะแนนที่ได้ไหม หรือแค่คนที่ผ่านเข้ารอบ
รู้สึกว่ามาสอบครั้งนี้คุ้มจริงๆ เรารุ้แล้วว่าจริงๆแล้ว คนที่เป็นลินุกซ์จริงๆต้องรู้ไรบ้าง ไว้คราว
นี้จะกลับมาอีก(I will be back!!) อยากเดินเล่นมธ.ต่อจริงๆไหนๆก็มาแล้ว แต่ไม่อำนวยทั้งเวลา กล้อง(กล้องมือถือ1.3m) สภาพอากาศเหมือนฝนกำลังมา แล้วรีบเผ่นกลับ ระหว่างทางเหมือนฝนต้องตกแน่ๆ ขากลับผ่านพันทิพย์เลยแวะหลบ และในที่สุดก็ต้องspendเงินใช้กับmini speaker ราคา350 ที่อยากหาสักตัวมาเพิ่มเสียงให้โน๊ตบุค

ฝนหยุดพอดี เร่งกลับมจธ. 17.30แล้ว ต้องไปงานSIT Game ช่วงกลางคืน ฟังดนตรี อากาศ
เย็นๆ บรรยากาศดีๆ ช่วงดีๆ เพลงเพราะๆ อยู่จนเลิกงาน ช่วยเพื่อนเก็บงานเอาซะเหนื่อย ทุกอย่างhappy ending(หรือป่าว) เที่ยงคืนซะและ กลับหอนอนเป็นตาย วันนี้ก็สุขขี อีกวัน

nlc10 : http://nlc10.opentle.org/

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

xml parser DOM

วันก่อนได้มีโอกาส หาวิธีที่จะดึงข้อมูลในไฟล์xml ออกมาโดยใช้php เมื่อลองดูปรากฏว่าใช่ง่ายดี แต่ต้องเข้าใจหลักการมันก่อน
DOM(Dociment Object Model) วิธีนี้จะโหลดไฟล์xml เข้ามาในหน่วยความจำ แล้วจะมองข้อมูลเป็นลักษณธของtree ซึ่งประกอบด้วยNodeต่างๆ การเข้าถึงข้อมูลจะเข้าไปตามกิ่งต่างๆ ทีละกิ่งหรือจะเข้าโดยอ้างชื่อของกิ่งได้เลยแบบ Random access การใช้งานทำได้โดยใช้API ของ DOM

ตัวอย่างการใช้งานDOMdocument
มีไฟล์เอกสารsubjects.xml


< ?xml version="1.0" encoding="UTF-8" ?>
<>
<>Elective subject< /title>
< type="Major">
<>Computer Graphic< /subject>
<>Decision support system< /subject>
<>Voice over IP< /subject>
< /data>
< type="Free">
<>web service< /subject>
<>database programming< /subject>
<>supplies chain management< /subject>
< /data>
< /menu>

ตัวอย่างcode php
$dom = new DOMDocument("1.0", "UTF-8");
$dom->load("./subject.xml");
$title = $dom->getElementsByTagName("title")->item(0)->textContent;
echo $title."\n";
$data = $dom->getElementsByTagName("data");
foreach($data as $theData)
{
echo "--------------------------------------------------------";
echo "\n";
echo $theData->attributes->item(0)->textContent;
echo "\n";
echo "--------------------------------------------------------";
echo "\n";
$Subject = $theData->getElementsByTagName("subject");
foreach($Subject as $theSubject)
{
echo $theSubject->textContent;
echo "\n";
}
}
?>

เริ่มจากโหลด ไฟล์xmlเข้าไปในDOM แล้วไฟล์xmlจะถูกเก็บไว้ในmemory ถ้าเอกสารใหญ่ก็จะโหลดนานตามขนาดไฟล์
$title = $dom->getElementsByTagName("title")->item(0)->textContent;
echo $title."\n";
method getElementsByTagName() เพื่อ get DOMNodeList ซึ่งจะได้ list ของ node โดยเราสามารถอ้างถึงแต่ละ node ได้โดยใช้ item() แล้ว
attributes คือการอ้างถึงattributeของ nodeนั้น
textContent คือการอ้างถึงdata member ของnodeนั้น
ข้างบนเป็นตัวอย่างง่ายๆ ของการใช้DOM Documentให้การดึงข้อมูลจากไฟล์xml
มีประโยชน์มากสำหรับการพัฒนาเวป ที่ดึงข้อมูลโดยใช้api หรือfeed เป็นอย่างยิ่ง

อ้างอิง : http://en.wikipedia.org/wiki/Document_Object_Model

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Gliffy Online Diagram Software

เมื่อก่อนมีปัญหากับการหาโปรแกรม เพื่อที่จะใช้สร้างDiagram ปัจจุบันใช้โปรแกรมUMLet กับโปรแกรมBlueJ ก้อใช้ได้อยู่สำหรับทำUML Diagram แสดงความสัมพันธ์ของentityในโปรแกรมเรา แต่เมื่อไม่นาน จำเป็นต้องใช้โปรแกรมสร้างDiagram หลายต่อหลายแบบ แล้วบางทีต้องทำเร่งด่วนจริงๆ แบบอีกครึ่งชั่วโมงส่งอย่างนี้ จะโหลดโปรแกรมมาก้อเสียเวลาอันแสนมีค่าไปเป็นสิบนาที เลยของหาดูเล่นๆ ปรากฏว่าเจอจริงๆ โปรแกรมส้รางDiagramได้สารพัด บนweb browser ชื่อว่า Gliffy
สามารถเข้าไปลองใช้ได้ที่ http://www.gliffy.com/

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Cloud Computing

เคยได้ยินมานานแล้วใช่ไหมครับ พอได้ยินก็คงสงสัยเหมือนกันไหมครับว่ามันเป็นยังไง รู้แค่ว่ามันเป็นการช่วยกันประมวลผล โดยคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่อง แล้วมันจะต่างจากgrid computingยังไง มันใหม่ตรงไหน
วันนี้เลยเอาเรื่อง Cloud computing หรือการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆมาเสนอกันนะครับ
Cloud computing หรือการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ เป็นabstractของgrid computing อีกทีหนึ่ง โดยจะให้serviceการประมวลผลผ่าน internet โดยผู้ที่ใช้serviceไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือไม่จำเป็นต้องควบคุมโครงสร้างภายในอื่นๆ เช่นการmaintainance application database
องค์ประกอบของการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆคือ
1. Infrastructure as a service (IaaS)
2. Platform as a service(PaaS)
3. Software as a service(SaaS)
4. การให้พลังการประมวลผลออนไลน์ตามที่ผู้ใช้ร้องขอมา
การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆมักจะใช้ประมวลผลbusiness application online ที่เล่นบนเวปเบราเซอร์ โดยเก็บตัวซอฟทฺแวร์และข้อมูลไว้บนเซอเวอร์
พูดง่ายๆคือ เหมือนweb hosting ที่มีทั้ง website hosting, database server, application serverพร้อม เราก็แค่ให้serverรันapplication ไว้ให้แล้วrequestไปเอาผลมา แล้วจ่ายตังค์เท่าที่เราใช้ computation power ของ server นั้นๆ
คลิปนี้อธิบายCloud computing

เมื่อนำมามองให้แง่ของbusiness "cloud computing คือการขาย computation power โดย customers จะจ่ายเท่ากับจำนวนหน่วยที่ใช้ มองคล้ายๆ web hosting" แต่เราต้องเปิดมุมมองให้กว้างเรื่องของหน่วยที่ใช้ โดยอาจจะมองเป็น service ที่ใช้งานเป็นหน่วย เหมือนค่าน้ำ ค่าไฟที่คิดเป็นหน่วยไม่ได้เหมาจ่ายเป็นเดือนๆ โดยที่เหมาไปแล้วไม่ได้ใช้อย่างคุ้มค่า เพราะช่วงเวลาที่ server จะ idle (นั่งกินไฟเฉยๆ) นั้นแทบจะเป็น 0

ในความคิดผม มันเหมือนเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ทุกๆอย่าง ไม่ต้องนำมาประมวลผลในเครื่องปลายทางเลย เช่น ทำ OS ที่เป็นclond compution pcแทบไม่ต้องประมวลผลอะไรเลย เราก้อแค่request computing powerจาก cloud แล้วรอresponseกลับมา แบบนี้ทำให้ pc ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรอะไรมาก ราคาก็จะถูกลง ขนาดเล็กลง แต่พลังการประมวลผลคือพลังที่ได้จากcomputer server เป็นต้น



อ้างอิง
http://en.wikipedia.org/wiki/Cloud_computing
http://www.narisa.com/blog/juacompe/index.php?showentry=1850

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Firefox apt-getได้แล้ว

หลังจาก firefox 3.5 ออกแล้วผมก็นั่งรอว่าเมื่อไหร่มันจะ apt ได้ เพราะไม่อยากจะติดด้วยวิธีอื่น แล้วก็ไม่อยากจะใช้ repository ที่เป็น unofficial ก็เลยนั่งรอไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เราสามารถสั้งติดตั้ง firefox 3.5 ผ่าน Repository หลักได้แล้วครับ

วิธีการก็ง่ายๆ

  1. sudo apt-get update
  2. sudo apt-get install firefox-3.5

เท่านี้ครับ แล้วก็รอ ติดแพคเกจใน ubuntu ก็ต้องใช้ apt-get ถึงจะเหมาะที่สุด